การวิเคราะห์โลหะมีค่าด้วยเทคโนโลยี Fire Assay และ ICP

การวิเคราะห์โลหะมีค่าในท่อแคทด้วยวิธี Fire Assay ร่วมกับ ICP-OES (Inductively Coupled Plasma Optical Emission Spectrometry) เป็นมาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรมการวิเคราะห์โลหะกลุ่มแพลทินัม เนื่องจากให้ความแม่นยำสูงถึงระดับ parts per billion (ppb) วิธีนี้ใช้การผสมผสานระหว่างเทคนิคการสกัดแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีวิเคราะห์สมัยใหม่

กระบวนการวิเคราะห์ Fire Assay

Fire Assay เป็นเทคนิคการสกัดโลหะมีค่าที่มีประวัติยาวนานและยังคงเป็นมาตรฐานในปัจจุบัน โดยมีขั้นตอนดังนี้:

  1. การเตรียมตัวอย่าง

    • บดตัวอย่างให้เป็นผงละเอียด
    • ผสมกับสารฟลักซ์ (flux) ซึ่งประกอบด้วยโบแรกซ์, โซดาแอช และตะกั่วออกไซด์
    • เติมโลหะรวบรวม (collector) โดยทั่วไปใช้ตะกั่ว
  2. การหลอม
    • หลอมส่วนผสมที่อุณหภูมิสูงประมาณ 1,000-1,200°C
    • โลหะมีค่าจะถูกรวบรวมในเฟสตะกั่ว
    • สารประกอบอื่นๆ จะแยกตัวเป็นตะกรัน (slag)
  3. การแยกโลหะมีค่า
    • แยกเฟสตะกั่วที่มีโลหะมีค่า
    • นำไปผ่านกระบวนการ cupellation เพื่อแยกตะกั่วออก
    • ได้โลหะมีค่าที่บริสุทธิ์พร้อมวิเคราะห์

การวิเคราะห์ด้วย ICP-OES

ICP-OES เป็นเทคโนโลยีวิเคราะห์ระดับสูงที่ใช้หลักการทางแสงและพลาสมา:

  1. หลักการทำงาน
    • ตัวอย่างถูกทำให้เป็นละอองในสถานะพลาสมาที่อุณหภูมิประมาณ 7,000-10,000 K
    • อะตอมและไอออนในตัวอย่างจะปล่อยแสงที่ความยาวคลื่นเฉพาะ
    • ระบบออปติคส์แยกแสงเป็นสเปกตรัมที่เฉพาะเจาะจง
    • ตัวตรวจวัด CID (Charge Injection Device) วัดความเข้มแสงที่แต่ละความยาวคลื่น
  2. การประมวลผล
    • ระบบคอมพิวเตอร์เปรียบเทียบความเข้มแสงกับสารมาตรฐาน
    • คำนวณความเข้มข้นของแต่ละธาตุโดยอัตโนมัติ
    • ให้ผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำและเที่ยงตรงสูง

ข้อได้เปรียบของการวิเคราะห์แบบผสมผสาน การใช้ Fire Assay ร่วมกับ ICP-OES ให้ผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำสูงสุด เนื่องจาก:

  • Fire Assay ช่วยสกัดและรวบรวมโลหะมีค่าทั้งหมดจากตัวอย่าง
  • ICP-OES ให้ผลวิเคราะห์เชิงปริมาณที่แม่นยำสูง
  • ลดผลกระทบจากสารรบกวนในตัวอย่าง
  • สามารถวิเคราะห์โลหะหลายชนิดพร้อมกัน

หมายเหตุ: ผลการวิเคราะห์จากวิธี Fire Assay-ICP ถือเป็นมาตรฐานอ้างอิงในอุตสาหกรรม และมักใช้ในการสอบเทียบวิธีวิเคราะห์อื่นๆ เช่น XRF

การเปรียบเทียบเทคโนโลยีวิเคราะห์ ICP-OES และ XRF

 

เทคโนโลยี ICP-OES (Inductively Coupled Plasma Optical Emission Spectrometry) และ XRF (X-Ray Fluorescence) เป็นวิธีวิเคราะห์ธาตุที่มีหลักการทำงานและข้อดีแตกต่างกัน การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยในการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับงานวิเคราะห์

เทคโนโลยี ICP-OES เทคโนโลยี ICP-OES ทำงานโดยการเปลี่ยนตัวอย่างให้เป็นละอองละเอียดและถูกนำเข้าสู่พลาสมาที่มีอุณหภูมิสูงมาก (7,000-10,000 K) ในสภาวะนี้ อะตอมและไอออนของธาตุต่างๆ จะถูกกระตุ้นและปล่อยแสงที่ความยาวคลื่นเฉพาะตัว ทำให้สามารถระบุชนิดและปริมาณของธาตุได้อย่างแม่นยำ

เทคโนโลยี XRF XRF ทำงานโดยการฉายรังสีเอกซ์ไปยังตัวอย่าง เมื่อรังสีกระทบกับอะตอมของธาตุ จะทำให้เกิดการปลดปล่อยรังสีทุติยภูมิ (fluorescence) ที่มีพลังงานเฉพาะตัว เครื่องวิเคราะห์จะตรวจวัดพลังงานนี้เพื่อระบุชนิดและปริมาณของธาตุในตัวอย่าง

ข้อดีของ ICP-OES:

ข้อดีของ XRF:

ให้ผลวิเคราะห์ที่แม่นยำสูงมาก (ระดับ ppb)

สามารถวิเคราะห์ธาตุหลายชนิดพร้อมกัน

เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ที่ต้องการความแม่นยำสูง

สามารถวิเคราะห์ธาตุที่มีความเข้มข้นต่ำมาก

ลดผลกระทบจากสารรบกวนในตัวอย่าง

ไม่ทำลายตัวอย่าง

วิเคราะห์ได้รวดเร็ว

ใช้งานง่ายและสะดวก

เหมาะสำหรับการวิเคราะห์เบื้องต้น

มีทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบพกพา

การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม: ในการวิเคราะห์ท่อแคท เรามักใช้ทั้งสองเทคโนโลยีเสริมกัน โดย:

  • ใช้ XRF สำหรับการคัดกรองและประเมินเบื้องต้น เนื่องจากรวดเร็วและไม่ทำลายตัวอย่าง
  • ใช้ ICP-OES สำหรับการวิเคราะห์ที่ต้องการความแม่นยำสูง โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการทราบปริมาณโลหะมีค่าที่แท้จริง

การใช้เทคโนโลยีทั้งสองแบบร่วมกันช่วยให้เราสามารถให้บริการวิเคราะห์ที่รวดเร็ว แม่นยำ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บริการวิเคราะห์โลหะมีค่าด้วยเทคโนโลยีระดับสากล

อีโค่เทรด กรุ๊ป ให้บริการวิเคราะห์โลหะมีค่าครบวงจรด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในห้องปฏิบัติการมาตรฐาน โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ เรามีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์วัสดุที่มีโลหะมีค่าหลากหลายประเภท:

ประเภทวัสดุที่รับวิเคราะห์:

  • ท่อไอเสียรถยนต์ (Catalytic Converters)
  • ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีโลหะมีค่า
  • วัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
  • ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ใช้แล้วจากกระบวนการอุตสาหกรรม
  • โลหะมีค่าประเภททองคำและเงิน
  • ตะกรันและวัสดุเหลือทิ้งที่มีโลหะมีค่า

เทคโนโลยีวิเคราะห์ที่ใช้:

  • Fire Assay สำหรับการสกัดโลหะมีค่า
  • ICP-OES สำหรับการวิเคราะห์เชิงปริมาณที่แม่นยำสูง
  • XRF สำหรับการวิเคราะห์แบบไม่ทำลายตัวอย่าง
  • เทคนิค Cupellation สำหรับการแยกโลหะมีค่าบริสุทธิ์
  • การวิเคราะห์ด้วยวิธี Titration สำหรับการยืนยันความบริสุทธิ์

ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า:

  • ใบรับรองผลการวิเคราะห์ตามมาตรฐานสากล
  • คำปรึกษาด้านการจัดการวัสดุที่มีโลหะมีค่า
  • ข้อเสนอราคารับซื้อที่เป็นธรรมตามผลวิเคราะห์

สนใจใช้บริการวิเคราะห์หรือขายวัสดุที่มีโลหะมีค่า กรุณาติดต่อทีมงานของเราเพื่อรับคำปรึกษาและใบเสนอราคา

ทำการวิเคราะห์ ICP

รายการราคา

เหตุผลที่เลือกใช้เทคโนโลยี Fire Assay ร่วมกับ ICP-OES

การวิเคราะห์แบบ Fire Assay ร่วมกับ ICP-OES เป็นมาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรมการวิเคราะห์โลหะมีค่า ด้วยเหตุผลสำคัญหลายประการ:

ด้านความแม่นยำ เทคนิคนี้ให้ผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำที่สุด โดย Fire Assay ช่วยสกัดโลหะมีค่าออกจากตัวอย่างได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ ICP-OES สามารถวิเคราะห์ปริมาณโลหะได้ละเอียดถึงระดับ parts per billion (ppb) ซึ่งแม่นยำกว่าการวิเคราะห์ด้วย XRF หลายเท่า

ด้านความน่าเชื่อถือ เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงในอุตสาหกรรม เนื่องจากวิเคราะห์ตัวอย่างทั้งหมด ไม่ใช่เพียงพื้นผิวเหมือน XRF ทำให้ผลการวิเคราะห์สะท้อนองค์ประกอบที่แท้จริงของวัสดุ

ด้านความครอบคลุม สามารถวิเคราะห์ทั้งโลหะมีค่าหลัก (แพลทินัม พาลาเดียม โรเดียม) และธาตุอื่นๆ ที่ปนเปื้อนได้พร้อมกัน ช่วยให้เข้าใจองค์ประกอบของวัสดุได้อย่างครบถ้วน ซึ่งมีความสำคัญต่อการกำหนดมูลค่าและกระบวนการรีไซเคิล

ทำการวิเคราะห์ FIRE ASSAY หรือ ICP