การวิเคราะห์โลหะมีค่าด้วยเทคโนโลยี Fire Assay และ ICP
การวิเคราะห์โลหะมีค่าในท่อแคทด้วยวิธี Fire Assay ร่วมกับ ICP-OES (Inductively Coupled Plasma Optical Emission Spectrometry) เป็นมาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรมการวิเคราะห์โลหะกลุ่มแพลทินัม เนื่องจากให้ความแม่นยำสูงถึงระดับ parts per billion (ppb) วิธีนี้ใช้การผสมผสานระหว่างเทคนิคการสกัดแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีวิเคราะห์สมัยใหม่
กระบวนการวิเคราะห์ Fire Assay
Fire Assay เป็นเทคนิคการสกัดโลหะมีค่าที่มีประวัติยาวนานและยังคงเป็นมาตรฐานในปัจจุบัน โดยมีขั้นตอนดังนี้:
-
การเตรียมตัวอย่าง
- บดตัวอย่างให้เป็นผงละเอียด
- ผสมกับสารฟลักซ์ (flux) ซึ่งประกอบด้วยโบแรกซ์, โซดาแอช และตะกั่วออกไซด์
- เติมโลหะรวบรวม (collector) โดยทั่วไปใช้ตะกั่ว
- การหลอม
- หลอมส่วนผสมที่อุณหภูมิสูงประมาณ 1,000-1,200°C
- โลหะมีค่าจะถูกรวบรวมในเฟสตะกั่ว
- สารประกอบอื่นๆ จะแยกตัวเป็นตะกรัน (slag)
- การแยกโลหะมีค่า
- แยกเฟสตะกั่วที่มีโลหะมีค่า
- นำไปผ่านกระบวนการ cupellation เพื่อแยกตะกั่วออก
- ได้โลหะมีค่าที่บริสุทธิ์พร้อมวิเคราะห์
การวิเคราะห์ด้วย ICP-OES
ICP-OES เป็นเทคโนโลยีวิเคราะห์ระดับสูงที่ใช้หลักการทางแสงและพลาสมา:
- หลักการทำงาน
- ตัวอย่างถูกทำให้เป็นละอองในสถานะพลาสมาที่อุณหภูมิประมาณ 7,000-10,000 K
- อะตอมและไอออนในตัวอย่างจะปล่อยแสงที่ความยาวคลื่นเฉพาะ
- ระบบออปติคส์แยกแสงเป็นสเปกตรัมที่เฉพาะเจาะจง
- ตัวตรวจวัด CID (Charge Injection Device) วัดความเข้มแสงที่แต่ละความยาวคลื่น
- การประมวลผล
- ระบบคอมพิวเตอร์เปรียบเทียบความเข้มแสงกับสารมาตรฐาน
- คำนวณความเข้มข้นของแต่ละธาตุโดยอัตโนมัติ
- ให้ผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำและเที่ยงตรงสูง
ข้อได้เปรียบของการวิเคราะห์แบบผสมผสาน การใช้ Fire Assay ร่วมกับ ICP-OES ให้ผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำสูงสุด เนื่องจาก:
- Fire Assay ช่วยสกัดและรวบรวมโลหะมีค่าทั้งหมดจากตัวอย่าง
- ICP-OES ให้ผลวิเคราะห์เชิงปริมาณที่แม่นยำสูง
- ลดผลกระทบจากสารรบกวนในตัวอย่าง
- สามารถวิเคราะห์โลหะหลายชนิดพร้อมกัน
หมายเหตุ: ผลการวิเคราะห์จากวิธี Fire Assay-ICP ถือเป็นมาตรฐานอ้างอิงในอุตสาหกรรม และมักใช้ในการสอบเทียบวิธีวิเคราะห์อื่นๆ เช่น XRF

การเปรียบเทียบเทคโนโลยีวิเคราะห์ ICP-OES และ XRF
เทคโนโลยี ICP-OES (Inductively Coupled Plasma Optical Emission Spectrometry) และ XRF (X-Ray Fluorescence) เป็นวิธีวิเคราะห์ธาตุที่มีหลักการทำงานและข้อดีแตกต่างกัน การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยในการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับงานวิเคราะห์
เทคโนโลยี ICP-OES เทคโนโลยี ICP-OES ทำงานโดยการเปลี่ยนตัวอย่างให้เป็นละอองละเอียดและถูกนำเข้าสู่พลาสมาที่มีอุณหภูมิสูงมาก (7,000-10,000 K) ในสภาวะนี้ อะตอมและไอออนของธาตุต่างๆ จะถูกกระตุ้นและปล่อยแสงที่ความยาวคลื่นเฉพาะตัว ทำให้สามารถระบุชนิดและปริมาณของธาตุได้อย่างแม่นยำ
เทคโนโลยี XRF XRF ทำงานโดยการฉายรังสีเอกซ์ไปยังตัวอย่าง เมื่อรังสีกระทบกับอะตอมของธาตุ จะทำให้เกิดการปลดปล่อยรังสีทุติยภูมิ (fluorescence) ที่มีพลังงานเฉพาะตัว เครื่องวิเคราะห์จะตรวจวัดพลังงานนี้เพื่อระบุชนิดและปริมาณของธาตุในตัวอย่าง
ข้อดีของ ICP-OES: |
ข้อดีของ XRF: |
---|---|
ให้ผลวิเคราะห์ที่แม่นยำสูงมาก (ระดับ ppb) สามารถวิเคราะห์ธาตุหลายชนิดพร้อมกัน เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ที่ต้องการความแม่นยำสูง สามารถวิเคราะห์ธาตุที่มีความเข้มข้นต่ำมาก ลดผลกระทบจากสารรบกวนในตัวอย่าง |
ไม่ทำลายตัวอย่าง วิเคราะห์ได้รวดเร็ว ใช้งานง่ายและสะดวก เหมาะสำหรับการวิเคราะห์เบื้องต้น มีทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบพกพา |
การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม: ในการวิเคราะห์ท่อแคท เรามักใช้ทั้งสองเทคโนโลยีเสริมกัน โดย:
- ใช้ XRF สำหรับการคัดกรองและประเมินเบื้องต้น เนื่องจากรวดเร็วและไม่ทำลายตัวอย่าง
- ใช้ ICP-OES สำหรับการวิเคราะห์ที่ต้องการความแม่นยำสูง โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการทราบปริมาณโลหะมีค่าที่แท้จริง
การใช้เทคโนโลยีทั้งสองแบบร่วมกันช่วยให้เราสามารถให้บริการวิเคราะห์ที่รวดเร็ว แม่นยำ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริการวิเคราะห์โลหะมีค่าด้วยเทคโนโลยีระดับสากล
อีโค่เทรด กรุ๊ป ให้บริการวิเคราะห์โลหะมีค่าครบวงจรด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในห้องปฏิบัติการมาตรฐาน โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ เรามีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์วัสดุที่มีโลหะมีค่าหลากหลายประเภท:
ประเภทวัสดุที่รับวิเคราะห์:
- ท่อไอเสียรถยนต์ (Catalytic Converters)
- ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีโลหะมีค่า
- วัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
- ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ใช้แล้วจากกระบวนการอุตสาหกรรม
- โลหะมีค่าประเภททองคำและเงิน
- ตะกรันและวัสดุเหลือทิ้งที่มีโลหะมีค่า
เทคโนโลยีวิเคราะห์ที่ใช้:
- Fire Assay สำหรับการสกัดโลหะมีค่า
- ICP-OES สำหรับการวิเคราะห์เชิงปริมาณที่แม่นยำสูง
- XRF สำหรับการวิเคราะห์แบบไม่ทำลายตัวอย่าง
- เทคนิค Cupellation สำหรับการแยกโลหะมีค่าบริสุทธิ์
- การวิเคราะห์ด้วยวิธี Titration สำหรับการยืนยันความบริสุทธิ์
ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า:
- ใบรับรองผลการวิเคราะห์ตามมาตรฐานสากล
- คำปรึกษาด้านการจัดการวัสดุที่มีโลหะมีค่า
- ข้อเสนอราคารับซื้อที่เป็นธรรมตามผลวิเคราะห์
สนใจใช้บริการวิเคราะห์หรือขายวัสดุที่มีโลหะมีค่า กรุณาติดต่อทีมงานของเราเพื่อรับคำปรึกษาและใบเสนอราคา
เหตุผลที่เลือกใช้เทคโนโลยี Fire Assay ร่วมกับ ICP-OES
การวิเคราะห์แบบ Fire Assay ร่วมกับ ICP-OES เป็นมาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรมการวิเคราะห์โลหะมีค่า ด้วยเหตุผลสำคัญหลายประการ:
ด้านความแม่นยำ เทคนิคนี้ให้ผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำที่สุด โดย Fire Assay ช่วยสกัดโลหะมีค่าออกจากตัวอย่างได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ ICP-OES สามารถวิเคราะห์ปริมาณโลหะได้ละเอียดถึงระดับ parts per billion (ppb) ซึ่งแม่นยำกว่าการวิเคราะห์ด้วย XRF หลายเท่า
ด้านความน่าเชื่อถือ เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงในอุตสาหกรรม เนื่องจากวิเคราะห์ตัวอย่างทั้งหมด ไม่ใช่เพียงพื้นผิวเหมือน XRF ทำให้ผลการวิเคราะห์สะท้อนองค์ประกอบที่แท้จริงของวัสดุ
ด้านความครอบคลุม สามารถวิเคราะห์ทั้งโลหะมีค่าหลัก (แพลทินัม พาลาเดียม โรเดียม) และธาตุอื่นๆ ที่ปนเปื้อนได้พร้อมกัน ช่วยให้เข้าใจองค์ประกอบของวัสดุได้อย่างครบถ้วน ซึ่งมีความสำคัญต่อการกำหนดมูลค่าและกระบวนการรีไซเคิล