โฟล์คสวาเกน "โกงค่าไอเสีย" ผิดกฎหมายการปกป้องสิ่งแวดล้อม

POSTED BY ALICE

เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับผู้ประกอบการรถยนต์เยอรมันหลายรายอย่างเช่น Daimler และ Volkswagen เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขามีการตรวจทดสอบการปล่อยมลพิษของเครื่องยนต์ดีเซล ตามที่หนังสือพิมพ์เดอร์สเพียลได้ตีพิมพ์บทความในหัวข้อของวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า พวกเขากำลังถูกขู่เรียกเครื่องยนต์ดีเซลในบางส่วนกลับคืนไป

 

พวกเขาทุจริตอย่างไร

เห็นได้ชัดว่าการทุจริตในระบบต่อต้านมลพิษ AdBlue นั้นมาจากการดูดสารของเหลวในไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ระบบการจัดการในเครื่องยนต์ที่จะช่วยให้ของเหลวถูกฉีดในปริมาณที่น้อยลงในหม้อเร่งปฏิกิริยา ในขั้นตอนนี้จะจำกัดปริมาณในระหว่างการตรวจสอบทั้งสองเทคนิค หนังสือพิมพ์ Der Spiegel มีการอ้างว่าเป็นผลให้มีการปล่อยก๊าซที่ก่อมลพิษเพิ่มขึ้น

 

หลักฐานเยอะที่มัดตัว

รูปแบบที่เป็นเป้าหมายหลักคือ Mercedes Benz Vito Tourer ซึ่งเดมเลอร์เป็นผู้ผลิต แต่ว่าบริษัทรถยนต์ของรัฐบาลกลางในเยอรมัน (Kraftfahrt Bundesamt, KBA) สงสัยว่าจะเป็นกรณีรูปแบบเดียวกัน อย่างไรก็ตามผู้ผลิตได้อ้างว่าไม่มีเหตุเกี่ยวข้องกับข้อนี้แต่อย่างใด และมีเจตนาที่จะปกป้องตนเองโดยการพิสูจน์ " ด้วยวิธีการทางด้านของกฎหมาย"  เพื่อยืนยันว่าเครื่องยนต์ของรถยนต์นั้นได้รับผลกระทบในช่วงที่ถูกผลิตขึ้นมาจนถึงช่วงฤดูร้อนในปี 2016 และหุ้นส่วนเรโนลต์ได้ส่งมอบซึ่งมันไม่ได้มีอยู่ในรถเบนซ์รูปแบบอื่นๆเลย

 

Volkswagen ยังได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาวนี้ เนื่องจากถูกค้นพบว่ามีการเคลื่อนย้ายถ่ายเทเครื่องยนต์ดีเซลในช่วงเดือนกันยายน 2015 และในกรณีนี้มีมากกว่า 11 ล้านคันที่ได้รับผลกระทบ ผู้ผลิตรถยนต์จึงได้มีการหยุดจำหน่ายรถยนต์ดีเซลรุ่น T6  ซึ่งก็ได้มีการปฏิเสธวิธีการจัดการกับเครื่องยนต์เหล่านี้

 

ที่มา: Alexandre Prevot

 

Der Spiegel ได้กล่าวเสริมว่ารถยนต์คันอื่นๆ ที่ได้รับคำเตือนในยุโรป เพราะผู้ตรวจสอบ KBA ตรวจพบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่น่าสงสัยทั้ง 5 รายการที่มีการควบคุม VUS Macan และรุ่น Cayenne ของ Porsche ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มโฟล์คสวาเกน

 

ศาลปกครองกลางของเยอรมนีจะมีการตัดสินในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ เกี่ยวกับการรถยนต์ดีเซลที่มีการห้ามให้สัญจรไปมาหลายประเภท ซึ่งเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด รวมไปถึงเป็นการคุกคามเมืองใหญ่หลายเมือง อย่างเช่นดุสเซลดอร์ฟ และสตุตการ์ต

ที่มา: AFP